สำนักงานมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยแม่โจ้

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหารือผลการดําเนินงานโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมี นายสัมพันธ์ เย็นสำราญ ที่ปรึกษา รมว.อว. ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการ รมว.อว. ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ ผู้ตรวจราชการ อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัด อว. นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคล หัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์ คณะผู้บริหาร อว. รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณาจารย์และเจ้าหน้าที่เข้าร่วม ที่ห้องประชุม ชั้น 5 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่

ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า อว.ดำเนินโครงการการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว โดยได้มีการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยออกเป็น 5 กลุ่ม ตามความเป็นเลิศของแต่ละแห่ง ที่ผ่านมาได้มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอด และมีการติดตามประเมินผลความคืบหน้าสม่ำเสมอ โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม มียุทธศาสตร์ที่มุ่งสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้เรียนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์เพื่อสร้างผลงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนเกิดการสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตและบริการ รวมทั้งการเน้นการเรียนการสอนควบคู่กับการปฏิบัติการจริง เพื่อพัฒนาสมรรถนะและทักษะในการทำงาน

“มหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นต้นแบบสำคัญที่จะตอบโจทย์ว่าโครงการนี้มีความคืบหน้าและผลการดำเนินการอย่างไร ซึ่งทำให้มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน มีการพัฒนาและผลักดันผลิตภัณฑ์ต้นแบบสู่ความเป็นเลิศ เกิดผู้ประกอบการใหม่ด้านนวัตกรรม เกิดการยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ จากผลการดำเนินการดังกล่าว ทำให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้บรรลุตัวชี้วัดความสำเร็จของงานที่ อว. ได้มอบแนวทางไว้ ทั้งการพัฒนากำลังคน พัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาหลักสูตร การผลักดันงานต่างๆ สู่การยอมรับระดับนานาชาติ และที่สำคัญมีการวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัยและและสานต่อโครงการต่าง ๆ ให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งเป็นจุดแข็งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว

ด้าน รศ.ดร.วีระพล กล่าวว่า หลังจากการเข้าร่วมโครงการการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ทำให้มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาสมัครเข้ามาเรียนมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายในปีนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้จะผลักดันให้เกิดการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ให้มากที่สุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้อาจจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด แต่เรามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยให้ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย พร้อมให้ทุกคณะสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ต่อไป

ขณะที่ นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า ความชัดเจนของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คือ มีการเชื่อมโยงเรื่องดังกล่าวเข้ากับแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย แผนพัฒนาความเป็นเลิศและมีการถ่ายทอดแผนต่าง ๆ ไปสู่แต่ละคณะของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการบริหารที่เป็นรูปธรรมและไปในทิศทางเดียวกันทั้งมหาวิทยาลัย ขณะที่หลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการเชียงใหม่ และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี

.

ที่มา : อว. ชู ม.แม่โจ้ ต้นแบบความสำเร็จโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย พัฒนาครบทุกมิติ (mgronline.com)

ปรับปรุงข้อมูล : 7/7/2566 19:51:24     ที่มา : สำนักงานมหาวิทยาลัย     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 372

กลุ่มข่าวสาร :

ข่าวล่าสุด

มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดงานแถลงข่าวการประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน ระหว่าง วันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันแถลงถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมกับยังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2568 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่สำหรับการจัดประชุมวิชาการและนิทรรศการในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชน นักวิชาการ ภาคเอกชน และผู้กำหนดนโยบายได้ตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพของทรัพยากรไทย เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ตลอดจนเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ครบรอบ 90 ปี อันเป็นหมุดหมายแห่งความภาคภูมิใจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายในงาน จะมีการจัดนิทรรศการพิเศษ "หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน อพ.สธ. มหาวิทยาลัยแม่โจ้" ภายใต้แนวคิด "รากแก้วมั่นคงมั่งคั่ง" สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรที่เก่าแก่และมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 จากโรงเรียนครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ จนพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบันอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ "งานเกษตรแม่โจ้" มหกรรมต้นไม้ ผลิตภัณฑ์เกษตร สินค้าชุมชน ร้านอาหาร และการแสดงศิลปวัฒนธรรม จากสถานศึกษาและศิลปินรับเชิญ ตลอด 7 วัน 7 คืน นอกจากนี้ยังมีการประชุมวิชาการและนิทรรศการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 98 โรงเรียน การประชุมและนิทรรศการงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น 38 หน่วยงาน การจัดนิทรรศการหน่วยงานสนองพระราชดำริฯ 126 หน่วยงาน การประชุมชมรมคณะปฏิบัติงานวิทยาการ อพ.สธ. และแปลงสาธิตและฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตรด้าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินงานสืบสานพระราชปณิธานในโครงการพระราชดำริต่าง ๆ โดยเฉพาะ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนแนวทาง "คาร์บอนคลีนอย่างยั่งยืน" ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพและความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่จะเข้ามาเยือนในทุกด้าน ทั้งด้านทรัพยากร การคมนาคม โรงแรม/ห้องพัก สถานที่จัดงานต่างๆ ที่สำคัญคือประชาชนมีมิตรไมตรีที่ดีและพร้อมต้อนรับผู้คนที่จะเข้ามาเยือน จึงขอให้มั่นใจว่าทุกกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ล้วนเกิดจากความตั้งใจของทุกภาคส่วนที่จะช่วยกันขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจและถือเป็นโอกาสอันที่ดีจะได้โชว์ความสำเร็จให้กับผู้คนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวางด้วยข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ภาพ : เครือข่าาย MJUConnect
16 ตุลาคม 2568     |      135
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ กรมสวัสดิกาารและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดพิธีลงนามบันทึดความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาชีพ ด้านแรงงาน ด้านความปลอดภัยในการทำงาน และด้านสารสนเทศ
วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ โรงแรม เอส ดี อเวนิว บางพลัด กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึดความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย และมี นายศักดิ์ศิลป์ ตุลาธร รองอธิบดี กสร. รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยยศ สัมฤทธิ์สกุล รองอธิการบดี , รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ ชัยพิบูลย์ คณบดีคณะสารสนเทศและการสื่อสาร , นายทวีสิทธิ์ บุญธรรม ผู้บริหารกองความปลอดภัยแรงงาน กสร. ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน รวมทั้งมีคณะผู้บริหาร บุคลากรกร ทั้ง 2 หน่วยงานเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีทั้งนี้ การลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิชาการ วิชาชีพ แรงงาน ความปลอดภัย และสารสนเทศ พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่สนับสนุนงานวิจัยและบริการวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสภาพการทำงานของแรงงานและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศในการบริหารจัดการและคุ้มครองสวัสดิภาพแรงงาน
10 ตุลาคม 2568     |      1096
กงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเยือนมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสำนักงานสีเขียว (Green Office) สำนักงานมหาวิทยาลัย
วันที่ 23 กันยายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้การต้อนรับ นายประณพ คเณศ กงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเยือนมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสำนักงานสีเขียว (Green Office) สำนักงานมหาวิทยาลัย ประจำปี พ.ศ. 2568 และร่วมปลูกต้นลำไย พันธุ์เบี้ยวเขียว ณ ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมเกษตรล้านนา เพื่อเฉลิมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลกสืบเนื่องจาก นายนเรนทรา โมดี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย ได้เฉลิมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลกด้วยการปลูกต้นกล้า ณ สวนมหาวีร์ชยันตี ในเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐอินเดีย โดยเป็นหนึ่งของโครงการ “EK PED MAA KE NAAM” หรือ “One Tree in the Name of Mother” ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไม้เพื่อเป็นเกียรติแก่มารดาและปลุกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการลงมือทำทั้งในระดับบุคคลและในเชิงสัญลักษณ์ และในโอกาสการเฉลิมฉลองนี้ กงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ปลูกต้นไม้ เพื่อร่วมปลุกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมและกระชับความสัมพันธ์ต่อกันลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว เป็นสายพันธุ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทานให้กับเจ้าดารารัศมี นำมาปลูกที่ จังหวัดเชียงใหม่ และขยายสายพันธุ์การปลูก ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน ขณะนี้ ทายาทของเจ้าดารารัศมีกำลังยื่นขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อพันธ์เป็น ดารารัศมีข่าว : กองวิเทศสัมพันธ์
24 กันยายน 2568     |      15976